สำหรับหลายคน LinkedIn อาจดูเหมือนเป็นแค่โปรไฟล์ที่ใช้หางาน แต่ในสายตาของบริษัท Profile บน LinkedIn คือสิ่งที่บ่งบอกตัวตนของผู้สมัคร และเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการพิจารณาเบื้องต้นว่าจะเรียกสัมภาษณ์หรือไม่ การสร้างโปรไฟล์ LinkedIn ที่ดีและโดดเด่นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก แต่จะทำ LinkedIn ให้น่าสนใจได้อย่างไร บทความนี้จะพาไปหาคำตอบ พร้อมแจกเคล็ดลับดี ๆ ว่าต้องทำอย่างไร
เข้าใจสิ่งที่ HR อยากบอก ก่อนเริ่มสร้าง Profile บน LinkedIn
- LinlkedIn เปรียบเสมือน Social Media สำหรับชีวิตการทำงาน: HR มืออาชีพมักจะไม่ตรวจสอบ Social Media ส่วนตัวของผู้สมัคร แต่เลือกใช้ Profile บน LinkedIn เพื่อประเมินตัวตนของผู้สมัครก่อนสัมภาษณ์ ไม่ว่าจะเป็นวิธีคิด ทัศนคติ แม้กระทั่ง Connection ที่ผู้สมัครมี
- LinkedIn และเรซูเม่ควรสอดคล้องกัน: ความสม่ำเสมอเป็นอย่างหนึ่งที่ HR มองหา หากข้อมูลใน LinkedIn ไม่ตรงกับเรซูเม่ จะทำให้เกิดคำถามทันที ควรอัปเดตให้เป็นปัจจุบันและเชื่อมโยงกันทั้งสองช่องทาง
- Story Telling เป็นสิ่งสำคัญ: HR ไม่มีเวลามานั่งอ่านทุกบรรทัดของโปรไฟล์ การพรีเซ็นต์ตัวเองอย่างมีชั้นเชิง และสามารถดึงดูดความสนใจได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ
วิธีสร้าง Profile บน LinkedIn ให้ดูโปร
ขั้นตอนที่ 1: เลือกรูปโปรไฟล์ให้ดูมืออาชีพ และแบล็กกราวด์ที่สะท้อนตัวตน
รูปโปรไฟล์ คือสิ่งที่สร้าง First Impression ได้เป็นอย่างดี การเลือกใช้รูปจึงควรเลือกรูปที่ดูจริงใจ เป็นมิตร มีระดับแสงพอเหมาะ และแต่งกายเหมาะสมกับสายงาน ดูมืออาชีพ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นรูปถ่ายสตูดิโอ และไม่ควรใช้รูป Selfie หรือรูปที่ถ่ายกับบุคคลอื่น
รูปแบล็กกราวด์ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่สามารถใช้เล่าเรื่องตัวคุณได้แบบไม่ต้องใช้คำพูดเลยทีเดียว ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ภาพบรรยากาศการทำงาน สโลแกน หรือ ภาพที่สะท้อนตัวตน หรือ Moodboard ที่แสดงความสนใจเฉพาะทางก็ได้
ตัวอย่างโปรไฟล์ LinkedIn
ขั้นตอนที่ 2: เขียน Headline ที่บอกว่าเรา “คือใคร” ไม่ใช่แค่ “ทำงานอะไร”
Headline บน LinkedIn เป็นหนึ่งในสิ่งที่ HR มองเห็นก่อนเมื่อเข้ามาดูโปรไฟล์ ดังนั้นจึงควรเขียนให้เป็นสิ่งที่โดดเด่นน่าจดจำ และบ่งบอกตัวตนมากกว่าแค่ชื่อตำแหน่งงาน โดยลองเขียนในแบบที่แสดงถึงจุดแข็งเฉพาะ ทัศนคติ หรือเป้าหมายของตัวเอง เช่น
ตัวอย่างโปรไฟล์ LinkedIn
เคล็ดลับ: สำหรับคนเพิ่งเริ่มทำงาน อาจใช้เลือกใช้คำที่บรรยายตัวตนได้ดีที่สุด และสื่อให้เห็น passion ที่จับต้องได้เช่นคำว่า Aspiring, Junior, หรือ Learning to…
ขั้นตอนที่ 3: เขียนส่วน About ให้เป็นการนำเสนอตัวตนแบบกระชับแต่น่าสนใจ
ส่วน About เปรียบเสมือน Elevator Pitch ที่อาจเป็นตัวตัดสินสำหรับ HR ว่าจะไปต่อกับผู้สมัครคนนี้หรือไม่ แทนที่จะเริ่มต้นด้วยการเล่าชีวประวัติทั้งหมด ลองใช้พื้นที่ Profile บน LinkedIn เล่าเรื่องราวว่า
- เราเข้ามาในสายงานนี้เพราะอะไร
- แรงจูงใจในการทำงานของเราคืออะไร
- เราเรียนรู้อะไรมาแล้วบ้าง
- ผลงาน หรือ รางวัลที่เราภูมิใจคืออะไร
- เราอยากเติบโตไปทางไหนในอนาคต
ตัวอย่างโปรไฟล์ LinkedIn
เคล็ดลับ: เขียนส่วนนี้ให้เหมือนกำลังอธิบายตัวเองกับคนที่ไม่รู้จักมาก่อน โดยใช้ภาษาที่อ่านแล้วเห็นภาพได้ชัดเจน และหลีกเลี่ยงการเขียนที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนอ่านจดหมายแนะนำตัว
ขั้นตอนที่ 4: เขียนประสบการณ์การทำงานใน Profile บน LinkedIn ให้ชัดเจน และน่าดึงดูด
ในกรณีที่มีประสบการณ์ทำงาน
- เขียนให้น่าสนใจ โดยโฟกัสสิ่งที่สามารถวัดผลได้ รางวัลที่ได้รับ หรือการพัฒนาองค์กรที่มีส่วนร่วม เช่น “วางระบบการจัดการโครงการใหม่ ทำให้ระยะเวลาเฉลี่ยของโปรเจกต์ลดลง 20%”
- ใช้คำอธิบายหน้าที่ที่ทำให้ชัดเจน เช่น ออกแบบ, วางแผน, จัดการ, เพิ่มยอดขาย เป็นต้น
ในกรณีที่ยังไม่มีประสบการณ์ทำงาน
- ลิสต์โปรเจกต์ที่เคยทำตอนเรียน กิจกรรมที่เข้าร่วม ประสบการณ์การประกวดต่างๆ หรือประสบการณ์การทำงานพาร์ทไทม์
- เล่าโดยการอธิยายทักษะที่ใช้ ผลที่เกิดขึ้น หรือ สิ่งที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์นั้นๆ เช่น “เป็นผู้ประสานงานหลักในโปรเจกต์จัดกิจกรรมต้อนรับนิสิตใหม่ มีผู้เข้าร่วมกว่า 300 คน”
เคล็ดลับ: ควรเขียนข้อมูลทุกอย่างใน Profile บน LinkedIn ให้สอดคล้องกับเรซูเม่ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง ชื่อองค์กร ช่วงเวลา และคำอธิบายประสบการณ์ เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือ และป้องกันคำถามจาก HR ในกรณีที่ข้อมูลไม่ตรงกัน
ขั้นตอนที่ 5: แสดงผลงานที่ภูมิใจบน Featured Section
ใส่ลิงก์ผลงาน บทความ หรือ presentation ที่ภูมิใจ และเกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่ต้องการสมัครลงใน Featured Section เพื่อเป็นการแสดงศักยภาพให้ HR ได้เห็นและเป็นที่จดจำมากขึ้น ลองถามตัวเองว่างานไหนที่สะท้อนความคิด วิธีทำงาน หรือผลลัพธ์ของคุณได้ดีที่สุดโดยไม่ต้องอธิบายเพิ่ม ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการทำ LinkedIn ให้น่าสนใจ
เคล็ดลับ: หากใครมี Portfolio สามารถใส่ลิงก์เอาไว้ในส่วนนี้ได้ โดยควรตั้งชื่อลิ้งก์ให้ดูมืออาชีพ เช่น krajang.k.com
ตัวอย่างโปรไฟล์ LinkedIn
สรุป
วัยทำงานทุกคนควรใส่ใจในทำ LinkedIn ให้น่าสนใจ เพราะ LinkedIn เปรียบเสมือน Social Media สำหรับชีวิตการทำงาน โปรไฟล์ที่ดีสามารถแสดงออกถึงความเป็นตัวตน สื่อถึงความตั้งใจ ทัศนคติ ความสามารถ และความเป็นมืออาชีพไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเพิ่งจบใหม่ กำลังมองหาโอกาสต่อไปในสายอาชีพ หรืออยากสร้างคอนเนคชันใหม่ๆ การสร้าง Profile บน LinkedIn ให้ดี อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณได้งานใหม่ก่อนที่จะส่งเรซูเม่เสียอีก