ลิสต์ 30 คำศัพท์ SEO เบื้องต้นที่นักการตลาดควรรู้ (อัปเดตล่าสุด!)

มือใหม่หัดทำ SEO อาจมีคำศัพท์ที่ไม่คุ้นชิน ไม่รู้ว่าความหมายคืออะไร กระจ่างแจกลิสต์ 30 คำศัพท์ SEO ฉบับพื้นฐานที่ควรรู้ติดตัวเอาไว้ เวลาไปเรียนคอร์สเสริมหรือลงมือทำงานจริง ไม่สับสนอีกแน่นอน
แชร์
30 คำศัพท์ SEO ที่คุณควรรู้

กระบวนการทำ Search Engine Optimization นอกจากจะต้องใช้ระยะเวลาในการวัดผลลัพธ์ จำเป็นต้องอัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่สม่ำเสมอ ใครเพิ่งเริ่มเข้าวงการนี้ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะการทำ SEO ไม่ยากเกินความสามารถของทุกคนแน่นอน ในบทความนี้กระจ่างก็จะเริ่มบทเรียนง่าย ๆ อย่าง 30 คำศัพท์ SEO ที่สำคัญและควรรู้ความหมายไว้ หมดปัญหาไม่เข้าใจและไม่รู้จะไปต่อยังไง มาเริ่มกันเลย!

  • การที่เข้าใจความหมายของคำศัพท์ SEO พื้นฐาน จะช่วยให้เข้าใจกระบวนการทำงานและสามารถศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้ง่ายขึ้น
  • คำศัพท์ SEO เบื้องต้นที่พบเจอได้บ่อย เช่น Keyword เป็นวลีหรือคำที่คนใช้ค้นหาบน Search Engine หรือ On-Page SEO ที่เป็นการปรับแต่งเนื้อหาทั้งหมดที่อยู่บนหน้าเว็บไซต์
เลือกหัวข้อที่คุณสนใจ

    1. Alt text

    ย่อมาจาก Alternative Text เป็นคำอธิบายรูปภาพที่อยู่บนเว็บไซต์ที่จะแสดงในระบบหลังบ้าน เพื่อให้ Robots เข้าใจว่ารูปนี้คืออะไร ทางที่ดีควรจะใส่ Keyword ที่เกี่ยวข้องลงไปในชื่อด้วย 

    2. Bounce Rate

    อัตราของผู้ชมที่เข้ามาอยู่ในเว็บไซต์แค่แปปเดียวแล้วกดออกเลยทันที ถ้ามีเยอะแสดงว่าเว็บไซต์ของเราไม่มีคุณภาพ หรือสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับผู้ใช้ เช่น หน้าเว็บไม่โหลด มีโฆษณาเด้งเยอะเกิน เว็บไซต์ไม่ปลอดภัย หน้าตาเว็บไซต์ไม่สวย เป็นต้น

    3. Cloaking

    การสร้างเนื้อหาที่ให้ผู้อ่านเห็นแบบหนึ่ง ส่วน Robots เห็นอีกแบบหนึ่ง เพื่อหลอก Algorithm ว่าเนื้อหาบนเว็บไซต์นั้นมีคุณภาพ สามารถนำไปจัดอันดับในหน้า SERP ได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ควรทำและอาจเสี่ยงโดนปิดเว็บไซต์ถาวรได้

    4. Conversion Rate

    อัตราส่วนการกระทำบางอย่างของผู้ใช้ที่เราตั้งค่าไว้บนเว็บไซต์ เช่น กดสินค้าลงกตะกร้า สั่งซื้อสินค้า สมัครเป็นสมาชิก กรอกแบบฟอร์ม เป็นต้น แล้วแต่เป้าหมายของธุรกิจหรือแคมเปญการตลาด

    5. Crawling

    การที่ Google หรือ Search Engine ต่าง ๆ ส่ง Robots เข้ามาตรวจสอบและเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ มาดูว่าเนื้อหาในเว็บไซต์นี้เกี่ยวกับอะไร รวมถึงเข้ามาอ่านข้อมูลใหม่ ๆ ที่มีการอัปเดตบนเว็บไซต์ด้วย

    6. DA/DR

    ย่อมาจาก Domain Authority และ Domain Rating ทั้งคู่เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์บนหน้า SERP โดยจะมีคะแนนตั้งแต่ 0 – 100 เป็นการบ่งบอกคุณภาพของเว็บไซต์นั้น ๆ ยิ่งมีค่า DA/DR สูง เว็บไซต์ก็จะมีความน่าเชื่อถือมาก เป็นต้น (ส่วนใหญ่เราจะทำ Backlick กับเว็บที่มีค่า DA/DR สูง)

    7. Dofollow Link

    ลิงก์ที่เชื่อมโยงเว็บไซต์หนึ่งกับอีกเว็บไซต์หนึ่งเข้าด้วยกัน และไม่มีชุดคำสั่ง “nofollow”, “UGC”, หรือ “Sponsored” ซึ่งจะช่วยส่งคะแนนให้กับเว็บไซต์ปลายทาง เช่น ถ้ามีเว็บไซต์เจ้าอื่นเขียนเนื้อหาใด ๆ แล้วลิงก์มาหาเรา และลิงก์นั้นเป็น Dofollow Link เราก็จะได้คะแนน SEO ทำให้เพิ่มความน่าเชื่อถือและมีโอกาสที่อันดับเว็บไซต์จะสูงขึ้นด้วย

    8. E-E-A-T

    หลักเกณฑ์ที่ทาง Google ใช้พิจารณาเว็บไซต์ว่ามีคุณภาพและประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน ถ้าเว็บไซต์อยากติดอันดับดี ๆ บนหน้า SERP ก็ควรทำตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ แต่ละตัวมีความหมายดังนี้

    • Experience เนื้อหาถูกเขียนด้วยผู้มีประสบการณ์จริง ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาหรือวิธีแก้ไข
    • Expertise ความเชี่ยวชาญในเนื้อหา มีความรู้ในเรื่องที่เขียนเชิงลึก
    • Authoritativeness เขียนเนื้อหาด้วยตัวเอง ไม่ได้คัดลอกของใครมา
    • Trustworthiness เนื้อหามีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ

    9. Featured Snippets

    กล่องสี่เหลี่ยมที่อธิบายและบอกคำตอบให้กับ Users ในทันที โดยไม่จำเป็นต้องกดเข้าไปอ่านในเว็บไซต์ และจะแสดงผลในอันดับแรกสุดของ SERP จะมีทั้งรูปแบบตาราง, Bullet Point และ Paragraph

    10. Heading Tag

    โค้ดสำหรับจัดลำดับเนื้อหาในเว็บไซต์ เพื่อบอกว่าส่วนไหนเป็นหัวข้อหลัก หัวข้อรอง หัวข้อย่อยลงไป เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาทั้งหมด โดยจะแบ่งเป็น H1, H2, H3, H4, H5, H6 ตามลำดับ ซึ่งจะมี H1 หรือหัวข้อหลักเพียงแค่อันเดียว และถ้าต้องการเนื้อหาย่อย ก็ใช้ Header ลดหลั่นกันไปตามความสำคัญ

    11. Indexing

    การที่ Robots เข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์หลังจาก Crawling แล้วเรียบร้อย โดยจะเก็บไว้ในฐานข้อมูลและนำไปพิจารณาจัดอันดับต่อไป ถ้าเว็บไซต์ไหนยังไม่ถูกเก็บข้อมูล ก็จะทำให้คนค้นหาหน้าเว็บไซต์ของเราไม่เจอ

    12. Internal Link และ External Link

    Internal Link คือลิงก์ภายในเว็บไซต์เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาเข้าด้วยกัน ช่วยให้ผู้ใช้อยู่บนหน้าเว็บไซต์ของเรานานขึ้น และ Robots เข้าใจเว็บไซต์ของเรามากขึ้น เช่น เราพูดถึงการทำ Local SEO และอยากให้คนไปอ่านเนื้อหาต่อก็เลยแทรกลิงก์ลงไปตามตัวอย่าง

    External Link คือลิงก์จากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีเนื้อหาเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของเรา ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้

    13. Keyword

    วลีหรือคำที่คนใช้ค้นหาบน Search Engine ที่จะบอกความต้องการ ปัญหา หรือสิ่งที่คนกำลังสงสัย เช่น อยากกินกาแฟ เลยเสิร์ชหา “ร้านกาแฟอร่อยในกรุงเทพ” โดยการที่จะให้คนเห็นเว็บไซต์ของเราหลังกดค้นหาได้ ต้องนำ Keyword เหล่านั้นมาปรับแต่งในเนื้อหา ซึ่งเราจะได้ Keyword ต่าง ๆ มาจากการทำ Keyword Research 

    14. Keyword Difficulty

    ความยาก-ง่ายของคำค้นหา (Keyword) ในการจัดอันดับบนหน้า SERP ยิ่งมีเยอะแสดงว่ามีคู่แข่งหลายเจ้าใช้คีย์เวิร์ดนี้ในเนื้อหา ก็จะทำให้การติดหน้าแรกด้วยคีย์เวิร์ดนี้ยากไปด้วย กลับกันถ้าคีย์เวิร์ดไหนมีค่าความยากง่ายค่อนข้างต่ำ โอกาสติดหน้าแรกก็จะง่ายกว่า เป็นต้น

    15. Keyword Stuffing

    การใส่หรือยัดเยียด Keyword ลงไปในเนื้อหาซ้ำ ๆ เหมือนกับการทำสแปม เพราะอยากให้เว็บไซต์ติดอันดับสูง ๆ แต่ทำให้คนไม่อยากอ่านเนื้อหา ซึ่งเป็นวิธีต้องห้ามในการทำ SEO และเว็บไซต์อาจถูกแบนจาก Google ได้

    16. Meta Description

    คำอธิบายที่ใช้สรุปเนื้อหาทั้งหมดของหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ เพื่อบอกว่าเนื้อหาเกี่ยวข้องกับอะไร ซึ่งจะแสดงผลด้านล่างของ Title Tag เมื่อค้นหาผ่าน Search Engine แต่บางครั้งก็จะแสดงผลในระบบหลังบ้านแทน ทั้งนี้ควรใส่ Main Keyword ลงไปในคำบรรยาย เพื่อให้ Algorithm เข้าใจเนื้อหาของเราง่ายขึ้น

    17. Nofollow Link

    ตรงกันข้ามกับ Dofollow Link สิ้นเชิง เป็นลิงก์ที่เราไม่ต้องการให้ Robots ไปเก็บข้อมูลจากเว็บปลายทาง โดยใส่ชุดคำสั่ง rel=“nofollow” ลงไป มักจะใช้กับลิงก์ที่ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรา เช่น Facebook, TikTok หรือ YouTube ป้องกันสแปมและโฆษณานั่นเอง

    18. Off-Page SEO

    การสร้างเนื้อหาคุณภาพเพื่อนำไปลงในเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อให้ผู้อ่านสนใจและกดเข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณ เช่น การทำ Backilnk ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Traffic เพิ่มความน่าเชื่อถือ และส่งผลดีต่ออันดับเว็บไซต์อีกด้วย

    19. On-Page SEO

    การปรับแต่งเนื้อหาทั้งหมดที่อยู่บนหน้าเว็บไซต์ของเรา ได้แก่ การสร้างคอนเทนต์ที่คุณภาพ ความยาวเหมาะสม มีทั้งลิงก์ภายในเว็บไซต์ (Internal Link) และภายนอกเว็บไซต์ (External Link) หรือการปรับแต่ง Meta Tag ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับหลักการ SEO เพื่อให้ Ranking สูงขึ้นและมีคนเข้ามาในเว็บไซต์มากขึ้น 

    20. Page Speed

    เวลาที่เว็บไซต์ใช้การโหลดหน้าเว็บ โหลดรูปภาพ หรือเนื้อหาบนเว็บไซต์ เป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการจัดอันดับเว็บไซต์และประสบการณ์ผู้ใช้ เมื่อเว็บไซต์โหลดช้า คนก็จะไม่อยากเข้ามาอ่าน ถ้าไม่มีคนเข้ามา อันดับเว็บไซต์ก็จะร่วงลงได้ 

    21. Ranking

    อันดับของเว็บไซต์ที่แสดงผลบนหน้า SERP ยิ่งอันดับสูงก็จะมีคนมองเห็นมากขึ้น ซึ่งอันดับเว็บไซต์มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา คนทำ SEO จึงต้องหมั่นปรับปรุงเนื้อหาและระบบหลังบ้านอย่างสม่ำเสมอ

    22. Redirect

    การส่ง Users (ทั้งคนทั่วไปและ Robots) จากหน้าหนึ่งไปยังอีกหน้าหนึ่งตามที่เราต้องการ จะมีทั้งแบบชั่วคราวและถาวร โดยสถานะชั่วคราวอาจใช้ตอนที่หน้า ๆ หนึ่งกำลังปรับปรุงหลังบ้านอยู่ ก็ให้คนไปอ่านหน้าอื่นแทน ซึ่งถ้าเราไม่ทำ Redirect ไว้ เมื่อคนเข้ามาอ่านก็จะขึ้นว่า 404 Page Not Found นั่นเอง

    23. SEM 

    ย่อมาจาก Search Engine Marketing คือการทำการตลาดบน Search Engine ซึ่งหลายเข้าใจว่าคือการยิงแอด แต่จริง ๆ เป็นร่มใหญ่ที่ครอบคลุมทั้งการทำ SEO และ PPC (Paid Per Click)

    24. Search Intent

    จุดประสงค์ของผู้ใช้ที่ค้นหาบางสิ่งบางอย่างบน Search Engine แบ่งออกเป็น 4 ประเภท 

    • Informational Intent ค้นหาเพื่ออยากได้ข้อมูลหรือความรู้ทั่วไป เช่น พยากรณ์อากาศวันนี้
    • Navigational Intent เป็นค้นหาแบบค่อนข้างรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นชื่อแบรนด์ที่รู้จักกันดีอยู่ดีแล้ว เช่น Facebook, Gmail, TikTok, Shopee, LAZADA 
    • Commercial Intent ค้นหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ เช่น โทรศัพท์รุ่นไหนดี รีวิวร้านกาแฟ
    • Transactional Intent ค้นหาเพื่อซื้อสินค้าโดยเฉพาะ เช่น จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมที่สิงคโปร์

    25. Search Volume

    ปริมาณการค้นหา Keyword นั้น ๆ ในแต่ละเดือน ยิ่งมีมากแสดงว่ามีคนให้ความสนใจในเรื่องหรือประเด็นนั้นมาก ช่วยให้สามารถสร้างคอนเทนต์ที่ตอบข้อสงสัยให้กับผู้ใช้ และเลือก Keyword ที่เหมาะสมกับเนื้อหาได้

    26. SERP

    ย่อมาจาก Search Engine Result Page คือหน้าแสดงผลการค้นหาของ Search Engine ที่ประกอบด้วย Title และ Description แต่บางครั้งก็จะแสดงผลเป็น Snippets ด้วย

    ซึ่งรูปแบบการแสดงผลของ SERP จะแบ่งออกเป็น Organic คือเว็บไซต์ที่ติดอันดับด้วยการทำ SEO กับรูปแบบ Paid คือเว็บไซต์ที่ติดอันดับจากการทำ PPC (Paid Per Click)

    27. Sitemap

    แผนผังของเว็บไซต์ที่มี URL ทุกหน้าบนเว็บไซต์ เพื่อบอก Robots ว่าเว็บไซต์เรามีหน้าอะไรบ้าง แต่ละหน้าเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร โครงสร้างของเว็บไซต์เป็นยังไง เปรียบเสมือนสารบัญในหนังสือ ช่วยให้ Robots เข้ามา Crawling และ Indexing ง่ายขึ้น

    28. Traffic

    ยอดหรือจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ เป็น 1 ในตัวชี้วัดผลลัพธ์การทำ SEO และยิ่งอันดับเว็บไซต์สูงขึ้น คนที่เข้ามาในเว็บไซต์ของคุณก็จะเพิ่มตามไปด้วย

    29. URL & Slug

    URL คือ ลิงก์ของเว็บไซต์ อย่าง URL ของ เว็บไซต์ของกระจ่างก็คือ www.krajang.co.th ส่วน Slug เป็นองค์ประกอบที่อยู่หลัง URL เพื่อระบุหรือจัดหมวดหมู่หน้าเว็บไซต์ เช่น หน้าบริการรับทำ SEO ของเราก็จะตั้งชื่อว่า https://krajang.co.th/seo/ เป็นต้น 

    แนะนำว่าให้ตั้งเป็นชื่อสั้น ๆ และควรเป็นภาษาอังกฤษ ป้องกันการแสดงผลเป็นภาษาแปลก ๆ เมื่อนำลิงก์ไปวางที่อื่น เพราะจะทำให้ดูรกสายตาได้ 

    30. UX/UI

    UX ย่อมาจาก User Experience เป็นประสบการณ์ของผู้ใช้ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของเรา เช่น รู้สึกเว็บไซต์ใช้งานง่าย มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือมีสิ่งที่พวกเขากำลังตามหา

    ส่วน UI ย่อมาจาก User Interface เป็นการออกแบบหน้าตาเว็บไซต์ที่ต้องการให้ User มองเห็น ไม่ว่าจะเป็น การวาง Layout เนื้อหา, ภาพกราฟิก, ตัวอักษร, สี หรือปุ่ม Call-To-Action ที่ช่วยให้เว็บไซต์ดูสวยงาม มีความน่าเชื่อถือ และส่งผลต่อ User Experience ด้วย

    สรุป

    เป็นยังไงกันบ้างกับ 30 คำศัพท์ SEO เบื้องต้นที่ทุกคนควรรู้ หวังว่าจะช่วยเพื่อน ๆ เข้าใจวิธีการทำ SEO ง่ายขึ้น และเมื่อศึกษาความรู้ไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอศัพท์ใหม่ ๆ อีกมากมาย ใครที่อยากเริ่มต้นทำ SEO ด้วยตัวเอง กระจ่างก็มีบทความที่สรุปเนื้อหาทั้งหมดให้คุณแล้ว (กดอ่านเลย!) หรือถ้ากำลังมองหา Digital Agency มาช่วยดูแลเว็บไซต์ของคุณ กระจ่างก็พร้อมให้บริการแบบครบวงจร ติดต่อหาเราได้เลย

    Picture of krajang
    krajang

    บทความแนะนำ

    ในโลกดิจิทัลที่ทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว การสร้างตัวตนของแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์ จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นบนโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์ของตนเอง
    1162
    แชร์
    ประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้เป็นสิ่งที่ควรทำเว็บไซต์ควรใส่ใจ โดยการปรับปรุงเชิง Technical SEO เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์และช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาคำตอบได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
    1110
    แชร์
    ในโลกธุรกิจปัจจุบัน การทำ SEO นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่จะเห็นผลมากยิ่งขึ้นเมื่อทำ SXO หรือ Search Experience Optimization ควบคู่กันไปด้วย เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดกลับไปให้ผู้ใช้
    1090
    แชร์

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

    ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    ยอมรับทั้งหมด
    จัดการความเป็นส่วนตัว
    • เปิดใช้งานตลอด

    บันทึกการตั้งค่า

    KRA-JANG พร้อมช่วยเหลือและทำธุรกิจไปกับคุณ

    รับการตอบกลับภายใน 1 ชั่วโมง