ทำความเข้าใจ On Site SEO ปรับแต่งอย่างไรให้เว็บไซต์ติดอันดับ

อยากให้เว็บไซต์มีคนเข้ามาอ่านเยอะ ๆ และมีอันดับที่สูงขึ้น ต้องใส่ใจกับการปรับแต่งหน้า On Page ให้มาก ๆ แล้ว On-Page SEO คืออะไร หาคำตอบได้ในบทความนี้!
แชร์
on-site-on-page-seo-explained

การที่เว็บไซต์จะติดอันดับสูง ๆ บน Search Engine นั้น มาจากปัจจัยหลายข้อด้วยกัน หลัก ๆ แล้วจะเป็นการปรับแต่งเนื้อหาในหน้า On Page และ Off Page ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาและช่วยรักษาอันดับเว็บไซต์ในระยะยาว สำหรับวันนี้กระจ่างจะเน้นไปที่ On Page หรือที่บางคนเรียกว่า On Site กันก่อนว่ามีความสำคัญอย่างไร เทคนิคที่ช่วยทำให้ On Site SEO ติดหน้าแรกนั้นมีอะไรบ้าง สรุปให้ทั้งหมดแล้วในบทความนี้!

KRAJANG Summary

  • Onsite หรือ On-Site เป็นการปรับแต่งเนื้อหาที่อยู่บนเว็บไซต์ทั้งหมด ได้แก่ คอนเทนต์, UX/UI, Meta Tag และ Technical Audit เพื่อให้เว็บไซต์ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่เป็นคนทั่วไปและ Robots
  • Search Engine จะนำหน้า On Site ของเราไปจัดอันดับในหน้า SERP ผ่าน 3 ขั้นตอนด้วยกัน ได้แก่ เก็บข้อมูล (Crawling), จัดทำดัชนี (Indexing) และจัดอันดับเว็บไซต์ (Ranking)
  • เว็บไซต์ที่ดีไม่ได้มีเพียงแค่เนื้อหาคุณภาพ สดใหม่ ไม่คัดลอกใคร แต่ต้องใช้งานง่าย โหลดเร็ว และออกแบบมาให้ใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์ (Respondsive Web Design)
เลือกหัวข้อที่คุณสนใจ

    On Site หรือ On Page SEO คืออะไร

    On Page หรือ On Site หมายถึง การปรับแต่งทุกสิ่งทุกอย่างบนหน้าเว็บไซต์ของเรา ไม่ว่าจะเป็น คอนเทนต์ Meta Tag รวมไปถึงการปรับปรุงเชิง Technical Audit เพื่อให้เนื้อหาบนเว็บไซต์ตอบโจทย์ User และทำให้อันดับเว็บไซต์ในหน้า Search Engine สูงขึ้น

    On Page SEO มีความสำคัญอย่างไรต่อ User

    การที่ On Page SEO มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และเว็บไซต์ใช้งานสะดวก มีความสำคัญต่อ User ที่เป็นคนอ่านและ Robots อย่างมาก เริ่มกันที่ผู้อ่านที่เป็นคนทั่วไปกันก่อน ถ้าพวกเขามีข้อสงสัยอะไรก็จะค้นหาบน Search Engine และถ้าเนื้อหาของเรามีคำตอบให้กับคำถาม ก็หมายความว่าเว็บไซต์ของคุณสามารถตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้ได้ ทำให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ดีกลับไป และมีโอกาสที่จะแปรเปลี่ยนจากผู้อ่านเป็นลูกค้าเพิ่มขึ้นด้วย

    สำหรับ User ที่เป็น Robots ก็จะเข้ามาตรวจสอบเนื้อหาและนำ Website ไปจัดอันดับสะดวกมากขึ้น ซึ่งเราจะพูดวิธีการทำงานของ Robots ถึงในหัวข้อถัดไป

    Search Engine ทำงานร่วมกับ On Page อย่างไรในการจัดอันดับเว็บไซต์

    เก็บข้อมูล (Crawling)

    เมื่อเรา Published เนื้อหาลงบนเว็บไซต์และเปิดให้ Robots สามารถเข้ามาเก็บข้อมูลได้แล้ว Google ก็จะส่ง Robots อย่าง Spider หรือ Web Crawl มาตรวจสอบคอนเทนต์ทั้งหมดใน On Site แต่ละหน้า อ่าน Meta Tag ต่าง ๆ จากนั้นก็ทำการ Learning เพื่อวิเคราะห์ว่าหน้า On Site นี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร และเชื่อมโยงกับ Keyword หรือไม่

    จัดทำดัชนี (Indexing)

    หลังจากที่ Robots ทำการ Crawling และทำความเข้าใจข้อมูลทั้งหมดมาแล้วว่า เว็บไซต์นี้เกี่ยวข้องกับอะไร ก็จะนำเว็บไซต์ของเราไปเก็บไว้ในฐานข้อมูลของ Google ไว้สำหรับแสดงผลในหน้า SERP

    จัดอันดับเว็บไซต์ (Ranking)

    เมื่อมีคนค้นหาบน Search Engine ตัว Robots ก็จะแสดงผลเว็บไซต์ที่มี Keyword ที่เกี่ยวข้องและอยู่ในฐานข้อมูล โดยเลือกแสดงผลเว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์ต่อคนอ่านตามลำดับ ซึ่งวิธีการจัดอันดับจะมาจากคุณภาพของเนื้อหา, Technical SEO และองค์ประกอบอื่น ๆ

    Search Engine ทำงานร่วมกับ On Page อย่างไรบ้าง

    แชร์หลักการทำ On-Site ยังไงให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก อัปเดตปี 2025!

    พอจะเห็นภาพแล้วใช่ไหมว่าการทำ On Page SEO ให้มีประสิทธิภาพนั้นสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจ กระจ่างจึงมาแนะนำเคล็ดลับการทำ On Page ให้ติดอันดับบนหน้า SERP เพื่อเพิ่มการเข้าถึงให้กับเว็บไซต์ของคุณ

    1. ค้นหา Keyword ที่เหมาะสมกับธุรกิจ

    การจะที่สร้างเนื้อหาคุณภาพได้ก็ต้องเริ่มจากการทำ Keyword Research เป็นอันดับแรก โดยใช้ SEO Tools ค้นหาว่าแต่ละคำค้นหามีปริมาณการค้นหา (Search Volume) อยู่ที่เท่าไหร่ Keyword Difficulty เป็นอย่างไร มีคำไหนน่าสนใจและเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณบ้าง จากนั้นเลือกคำที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด จัดใส่เป็น List เพื่อนำไปปรับแต่งในเนื้อหาบน On Page ต่อไป

    2. ตั้งชื่อ Page Title ให้น่าสนใจ

    Page Title เป็นจุดดึงดูดความสนใจแรกของผู้อ่านหลังจากเซิร์ชบน Search Engine ซึ่งควรมี Main Keyword แทรกลงไปอย่างน้อย 1 คำ และตั้งชื่อให้ดูน่าอ่าน เพื่อดึงดูดให้คนกดคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์

    3. Meta Description อธิบายภาพรวมของเนื้อหาชัดเจน

    วิธีการเขียน Meta Description ที่ดีสำหรับหน้า On Site จะต้องเป็นไปตาม Checklist ต่อไปนี้

    • ความยาวไม่เกิน 120 – 160 ตัวอักษร (สามารถวัดความยาวด้วยโปรแกรม SEOmofo)
    • มี Main Keyword และ Supporting Keyword รวมกันแล้วไม่เกิน 3 คำ
    • สรุปสาระสำคัญของหน้านั้น ๆ ด้วย
    • Meta Description แต่ละหน้าต้องเขียนไม่เหมือนกัน

    4. วาง Header Structure ให้เป็นระบบ

    Heading Tag เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยผู้ใช้ให้เข้าใจเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะมีขนาดตั้งแต่ H1 ไปจนถึง H6 โดย Header 1 ทำหน้าที่เป็นหัวข้อหลักในหน้า On Page ซึ่งต้องมีแค่อันเดียวและมี Main Keyword อยู่ด้วย สำหรับ Header อื่น ๆ ก็ควรเขียนให้มีความสอดคล้องกัน เพราะตอนที่ Robots เข้ามา Crawling จะได้ทำความเข้าใจเว็บไซต์ได้สะดวกขึ้นและรู้ว่าเว็บไซต์มีหัวข้ออะไรบ้าง

    คอนเทนต์ On Page ตามหลักเกณฑ์ E-E-A-T

    5. เขียน Content ให้มีคุณภาพ

    นอกจากการกระจาย Keyword ลงในคอนเทนต์ในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว เนื้อหาบนหน้า On Site ควรเป็นไปตามหลักเกณฑ์ E-E-A-T (Expertise, Experience, Authority, Trust) เพื่อให้ผู้อ่านได้คำตอบที่ต้องการหรือตรงกับ Search Intent ของพวกเขา และยังสามารถใส่คำที่มีความหมายใกล้เคียง (Synonyms) ลงไป เพื่อให้เนื้อหาโดยรวมไม่ได้เน้นแต่ Main Keyword จนเกินไป

    และใส่ Internal Link เพื่อให้แต่ละเพจมีความเชื่อมโยงกันและทำให้ผู้ชมใช้เวลากับเว็บไซต์นานขึ้น Robots จะมองว่าเนื้อหาของเว็บไซต์มีความสอดคล้องกันด้วย รวมถึงเพิ่มความน่าเชื่อถือด้วย External Link จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูง ก็จะช่วยเพิ่มอันดับเว็บไซต์ได้เช่นกัน

    6. อย่าลืมใส่ Image Alt Tag ในรูปภาพ

    การใส่รูปภาพลงไปในหน้า On Page SEO จะช่วยให้เพิ่มความน่าสนใจกับเนื้อหาและเป็นการพักสายตาจากการอ่านข้อความจำนวนมาก ซึ่งรูปภาพแต่ละรูปก็ต้องใส่ Image Alt Tag หรือคำอธิบายรูปภาพลงไป เพื่อให้ Robots เข้าใจว่ารูปภาพนี้เกี่ยวกับอะไร 

    7. ปรับแต่ง Technical SEO เพื่อเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้

    หลังจากปรับแต่งเนื้อหาหน้าบ้านให้ตรงใจผู้อ่านทั่วไปแล้ว ก็ต้องใส่ใจกับระบบหลังบ้านที่จะช่วยเพิ่มโอกาสติดอันดับมากขึ้น สามารถใช้ SEO Tools ต่าง ๆ ตรวจสอบว่าตอนนี้เว็บไซต์ของเรามีจุดไหนต้องแก้ไข หรือทำให้อันดับเว็บไซต์ตกได้บ้าง เพื่อทำการแก้ไขให้เร็วที่สุด ตัวอย่างเช่น

    • ตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์
    • ตรวจสอบสถานะ URL เช่น 301 Redirect, 302 Redirect หรือ 404 Not Found
    • ตรวจสอบ Sitemap, Site Structure และ Redirects
    • ตรวจสอบความเร็ว (Page Speed) โดยความเร็วในการโหลดไม่ควรเกิน 3 วินาที
    • ตรวจสอบการตอบสนองของเว็บไซต์ (Core Web Vitals)
    • ออกแบบ Responsive Website เพื่อให้เว็บไซต์แสดงผลได้กับทุกอุปกรณ์

    สรุป

    เว็บไซต์ที่ดีคือเว็บไซต์ที่สามารถตอบคำถามให้กับ User ได้ ดังนั้น การปรับแต่งเนื้อหาในหน้า On Page SEO ต้องใส่ใจทั้งผู้ใช้ที่เป็นคนอ่านและ Robots เพราะทั้งคู่ถือเป็นปัจจัยสำคัญของการจัดอันดับ เทคนิคต่าง ๆ ที่กระจ่างได้แนะนำไปในบทความนี้ ทุกคนก็ลองเอาฝึกฝนและทำตามกันได้ รวมถึงอย่าลืมอัปเดตเนื้อหาตาม Google Algorithm ที่มักจะมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ ในทุกปีด้วยนะ

    Picture of chen.krajang
    chen.krajang

    บทความแนะนำ

    สำหรับธุรกิจไหนที่อยากให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น การทำ SEO คือสิ่งที่สามารถช่วยให้ธุรกิจถูกมองเห็นในหน้าแรกของ Search Engine และเพิ่มยอดขายสินค้าได้ด้วย
    702
    แชร์
    ประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้เป็นสิ่งที่ควรทำเว็บไซต์ควรใส่ใจ โดยการปรับปรุงเชิง Technical SEO เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์และช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาคำตอบได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
    622
    แชร์
    เว็บไซต์ติดหน้าแรกง่าย ๆ ด้วยการสร้างบทความ SEO ที่มีคุณภาพและไม่เพียงแค่ต้องทำให้ Robots เข้าใจเนื้อหา แต่ฝั่ง User ที่เป็นบุคคลทั่วไปต้องได้คำตอบที่กำลังตามหาอีกด้วย
    616
    แชร์

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

    ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    ยอมรับทั้งหมด
    จัดการความเป็นส่วนตัว
    • เปิดใช้งานตลอด

    บันทึกการตั้งค่า